ทำไมต้องทำประกันชีวิต 🚩 / PlanWise

ทำไมต้องทำประกันชีวิต 🚩 / PlanWise
   : การทำประกันชีวิตมีหลายเหตุผลขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความต้องการของแต่ละบุคคล นี่คือเหตุผลหลักที่หลายท่านเลือกทำประกันชีวิต... (สำคัญทุกข้อ)

1. #คุ้มครองครอบครัวและคนที่ท่านรัก

หากท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือมีคนที่ต้องพึ่งพารายได้ของท่าน การทำประกันชีวิตช่วยให้ครอบครัวของคุณยังคงมีเงินใช้จ่ายหากเกิด #เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เสียชีวิตก่อนวัยอันควร (*ประกันแบบตลอดชีพ)

2. #ลดภาระหนี้สิน

หากท่านมีหนี้สิน เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ หรือหนี้บัตรเครดิต ประกันชีวิตนี้จะช่วยให้ครอบครัวของท่านไม่ต้องรับภาระหนี้สินเหล่านั้น

3. #สร้างหลักประกันทางการเงิน

บางแผนประกันชีวิตมีมูลค่าเงินสดสะสม ทำให้ท่านสามารถใช้เป็นเงินออม หรือเป็นแหล่งเงินฉุกเฉินในอนาคต (*ประกันออมทรัพย์)

4. #ช่วยวางแผนมรดก

หากท่านต้องการให้ทายาทได้รับทรัพย์สินอย่างราบรื่น ประกันชีวิตสามารถช่วยลดปัญหาทางภาษีและกระจายทรัพย์สินให้เป็นไปตามแผนที่ท่านต้องการ

5. #วางแผนเกษียณอายุ

ประกันชีวิตบางประเภทมีการออมเงินหรือการจ่ายเงินคืนที่ช่วยให้ท่านมีรายได้หลังเกษียณ (*ประกันบำนาญ)

6. #ค่ารักษาพยาบาลและโรคร้ายแรง

บางกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยร้ายแรง เช่น มะเร็ง หัวใจวาย หรืออัมพาต ทำให้ท่านได้รับเงินชดเชยหรือค่ารักษาพยาบาล (*ประกันสุขภาพ)

7. #ค่าจัดงานศพและค่าใช้จ่ายสุดท้าย

หากท่านเสียชีวิต ประกันชีวิตช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

การทำประกันชีวิตจึงเป็นการวางแผนการเงินที่ช่วยให้ท่านและครอบครัวมีความมั่นคงในอนาคต 

หากท่านสนใจควรศึกษาประเภทของประกันและเลือกแบบที่เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินของท่านมากที่สุด

.....
หากท่านมีความสนใจ เกี่ยวกับการวางแผนการทำประกันชีวิตก็สามารถทักทาย inbox เพจ PlanWise นี้ได้เลย เมื่อแอดมินทราบความต้องการของท่านแล้ว เราจะได้วางแผนเพื่ออุดรอยรั่วทางการเงินในชีวิตและสร้างความสบายใจให้กับชีวิตของท่านได้

ขอบพระคุณครับ
#PlanWise

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

Related stories

อนาคตของโลกการเงิน

รูปภาพ
    อนาคตของโลกการเงิน   เมื่อวิกฤต COVID-19 ได้นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ และทุกธุรกิจล้วนต้องใช้เงิน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะก่อให้เกิดการนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการบริการทางการเงินในรูปแบบต่างๆ หรือ Fintech (Finance + Technology)   ในอดีตที่ผ่านมาธนาคารต้องปิดสาขาจำนวนมาก โดยพบว่าจำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ได้ลดลงจาก 6,735 สาขา ในปี 2018 เหลือเพียง 6,167 สาขาในปี 2020 ในทางกลับกันจำนวนผู้ใช้งาน Mobile Banking ได้เพิ่มจาก 46 ล้านบัญชีในปี 2018 เป็นกว่า 68 ล้านบัญชี ในปี 2020 บ่งชี้ว่ารูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินดั้งเดิมได้ถูก Disrupt ด้วย Fintech อย่างปฏิเสธไม่ได้   เมื่อใครๆ ก็อยากได้เงิน จึงไม่ใช่เพียงแค่ธนาคารที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับโอกาสดังกล่าวและก่อให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจในแบบที่เรียกว่า Social Banking หรือการให้บริการธนาคารออนไลน์บนแอป Social Media เช่น Line BK ซึ่งเป็นการรวมตัวระหว่าง Line และ Kbank เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถโอนเงิน จ่ายบัตรเครดิต และขอสินเชื่อ ได้ครบจบในแอปเดียว หรือแม้แต่ Grab ที่ทำธุรกิจด้านขนส่งและ Food D...
อ่านต่อ »

Positive Cash Flow Asset คืออะไร?

รูปภาพ
Positive Cash Flow Asset คืออะไร? Positive Cash Flow Asset หรือ สินทรัพย์ที่มีกระแสเงินสดเป็นบวก หมายถึงสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวก (Positive Cash Flow) หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว ตัวอย่างของ Positive Cash Flow Asset อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า  หากค่าเช่าที่ได้รับมากกว่าค่าผ่อนบ้าน, ภาษี, ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีกระแสเงินสดเป็นบวก ธุรกิจที่ทำกำไร  หากธุรกิจสร้างรายได้มากกว่าต้นทุนและค่าใช้จ่าย จะมีกระแสเงินสดเป็นบวก หุ้นปันผล  หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงกว่าเงินที่ลงทุนหรือค่าธรรมเนียมในการถือครอง เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ให้เช่า  เช่น เครื่องจักรก่อสร้างหรือรถยนต์ที่ปล่อยเช่า และสร้างรายได้มากกว่าค่าเสื่อมราคาและค่าซ่อมบำรุง ลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา  เช่น หนังสือ, เพลง, สิทธิบัตร หรือซอฟต์แวร์ ที่สามารถขายหรือให้เช่าใช้งานและสร้างรายได้ต่อเนื่อง ข้อดีของการมี Positive Cash Flow Asset ✅ เพิ่มกระแสเงินสด – ช่วยให้มีเงินหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายหรือ reinv...
อ่านต่อ »

DSCR คืออะไร?

รูปภาพ
DSCR คืออะไร? DSCR (Debt Service Coverage Ratio) คือ อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจหรือบุคคล ใช้ประเมินว่าธุรกิจมีรายได้เพียงพอสำหรับการชำระหนี้หรือไม่ สูตรการคำนวณ DSCR (ละไว้) ภาระหนี้ที่ต้องชำระ (Debt Service) คือ ยอดรวมของเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องชำระในช่วงเวลาหนึ่ง ความสำคัญของ DSCR ช่วยวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้  DSCR ที่สูงหมายถึงธุรกิจมีรายได้มากพอสำหรับชำระหนี้ DSCR ที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าธุรกิจเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ เป็นปัจจัยสำคัญในการขอสินเชื่อ  สถาบันการเงินมักใช้ DSCR เป็นเกณฑ์พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ส่วนใหญ่มักกำหนดให้ DSCR ต้องอยู่ที่ 1.2 – 1.5 ขึ้นไป ช่วยให้ธุรกิจบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น  DSCR สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดเพื่อปรับปรุงการบริหารหนี้สินและรายรับ ใช้เป็นเกณฑ์วัดความมั่นคงทางการเงิน  หาก DSCR สูง แสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน หาก DSCR ต่ำ อาจต้องมีมาตรการเพิ่มรายได้หรือลดภาระหนี้ แนวทางบริหารจัดการหนี้สินเพื่อปรับปรุง DSCR เพิ่มรายได้จากการดำเนินงาน  เพิ่มยอดขายและขยายตลาด ปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน หารา...
อ่านต่อ »